สุวรรณภูมิค้าไม้ ขาย ไม้พื้น ไม้ปาร์เก้ ไม้บันได ไม้มะค่า ไม้ตะแบก

|  
 ตะกร้าสินค้า (0)  |  
 

                ร้านสุวรรณภูมิค้าไม้

เรื่องน่ารู้ของคนรักไม้

  ไม้อยู่คู่กับบ้านของคนไทยมาช้านาน  แต่เมื่อวันเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไปไม้กลับกลายเป็นของหายาก  และมีราคาแพงขึ้นทุกที  แต่ด้วยความผูกพันกันมาแต่เก่าก่อน  ประกอบกับความสวยงาม  อายุการใช้งานอันยาวนาน  และคุณสมบัติดีๆ อีกนานัปการ  จึงทำให้ไม้เป็นวัสดุยอดนิยมที่ใครๆ  ต่างก็อยากนำมาใช้กับบ้านของตน

   ถ้าคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่หลงใหลความงามแบบธรรมชาติของไม้  เราเอาใจคนรักไม้ด้วยเรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับไม้  ตั้งแต่คุณสมบัติ  การเลือกใช้ไปจนถึงการดูแลรักษา  เพื่อให้คุณได้ไม้ที่เหมาะสมไว้ชื่นชมกันนานๆ

ประเภทของไม้

  โดยทั่วไป  ไม้แบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดตามความแข็งแกร่งของเนื้อไม้  ได้แก่  ไม้เนื้ออ่อน  และไม้เนื้อแข็ง  ซึ่งการกำหนดว่าไม้ชนิดใดเป็นไม้เนื้ออ่อน  และไม้ชนิดใดเป็นไม้เนื้อแข็งนั้น  ขึ้นอยู่กับว่าไม้ชนิดนั้นๆ สามารถรับน้ำหนัก  และมีความแข็งแรงมากน้อยเพียงใดโดยวัดจากความทนทานต่อแรงที่เข้ามากระทบอันได้แก่  แรงบีบ  แรงดึง  แรงฟัน  และแรงดัดซึ่งพบเสมอในการก่อสร้าง  โดยในกรณีของไม้นั้น  มักใช้แรงดัดซึ่งเป็นแรงที่อาจทำให้ไม้หักเสียรูปไปโดยสิ้นเชิงเป็นตัววัด

   สำหรับไม้เนื้อแข็งซึ่งมักมีโทนสีเข้มนั้น  เป็นไม้ที่มีความเหนียว  แกร่ง  เนื้อแน่น  ไม่เปราะง่าย  สามารถรับน้ำหนัก  และแรงต่างๆ  ที่เกิดระหว่างงานก่อสร้างได้ดี  จึงเหมาะกับงานที่ต้องการความแข็งแรงทนทานอย่างงานก่อสร้างบ้าน

   ส่วนไม้เนื้ออ่อนซึ่งมีโทนสีอ่อนกว่าจะเหมาะกับงานประณีตอย่างเช่นงานตกแต่งลอยตัวชนิดที่ไม่ต้องใช้รับน้ำหนักมาก  เรียกว่าเน้นความสวยงามมากกว่าความแข็งแรง  เนื่องจากสามารถเลื่อย  ไสกบและตกแต่งได้ง่ายกว่า

   ในประเทศไทย  ไม้ที่นิยมนำมาใช้ในงานตกแต่งมีหลายชนิดซึ่งมีคุณสมบัติแตกต่างกันไป  ดังต่อไปนี้

1. ไม้สัก  จัดเป็นไม้มีค่า  และเป็นไม้ที่มีคุณภาพดีที่สุด  เป็นที่นิยมมากในประเทศไทย  จะเรียกว่าเป็นไม้สารพัดประโยชน์ก็ว่าได้  แม้จะไม่ถูกจัดให้เป็นไม้เนื้อแข็ง  แต่ไม่สักก็มีความทนทานในระดับที่พอจะนำมาใช้ในงานก่อสร้างได้  ไม่ผุง่ายแม้จะตากแดดตากฝน  หดตัวน้อย  ไม่ค่อยแตกร้าว  อีกทั้งยังมีสีสัน  ลวดลายสวยงาม  ด้วยคุณสมบัติเช่นนี้เองเราจึงได้เห็นไม้สักในทุกๆ ที่  ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างของบ้าน  ฝาบ้าน  พื้น  ประตู  หน้าต่าง  คิ้วบัว เฟอร์นิเจอร์  หรือแม้แต่นำมาแกะสลักเป็นของแต่งบ้าน

2.  ไม้เต็ง  จัดเป็นไม้เนื้อแข็งที่มีความคงทน  แข็งแกร่งมาก  ทนแดดทนฝนได้ดี  เหมาะกับงานโครงสร้างอาคารบ้านเรือน  และงานที่ไม่ต้องการความสวยงามประณีตนัก  แต่ต้องการความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ ไม้เต็งมีคุณสมบัติแตกลายงาเมื่ออยู่ภายนอก โก่งงอ บิดตัวง่าย

3.  ไม้แดง  เป็นไม้อีกชนิดหนึ่งที่แข็งมาก  สามารถใช้งานภายนอกได้เนื้อไม้มีสีน้ำตาลแดง  เสี้ยนละเอียด  มีลายสวยงาม  เรียบร้อย  นิยมนำมาใช้ในงานที่ต้องโชว์ความงามของเนื้อไม้  แต่ด้วยคุณสมบัติที่ยืดหดค่อนข้างมาก  จึงไม่ค่อยนิยมนำมาทำประตู แต่เหมาะทำวงกบ รั้ว พื้นระเบียงภายนอก ไม้บันได ไม่เหมาะทำพื้นรางลิ้นภายในเพราะมีความยืดหดตัวสูง

4.  ไม้ประดู่  เนื้อไม้มีสีม่วงอมชมพูแก่ หรือ สีส้มแดง เนื้อละเอียดปานกลาง  มีเส้นแทรกสีเข้ม  มีความแข็งพอๆ  กับไม้แดงแต่ความหดตัวน้อยกว่า  นิยมนำมาทำเฟอร์นิเจอร์โดยเฉพาะแบบจีน  รวมทั้งใช้ทำวงกบประตู  หน้าต่าง

5.  ไม้มะค่า  เป็นไม้อีกชนิดที่มีความแข็งแรง  เนื้อไม้มีสีน้ำตาลออกเหลืองและเหลืองอบชมพู  มีลวดลายชัดเจน  เมื่ออบแห้งดีแล้วจะตกแต่งได้ง่ายเป็นไม้ที่เหมาะสำหรับการทำไม้ปูพื้น  บันไดและเฟอร์นิเจอร์  ไม้มะค่าจัดเป็นไม้ราคาแพงอีกชนิดหนึ่ง

6.  ไม้ตะแบก  เป็นไม้เนื้อปานกลาง  มีลายคล้ายไม้สัก  นิยมนำมาทำไม้ปูพื้น  มีสีอ่อนที่สุดเมื่อเทียบกับไม้ชนิดอื่นของไทย  เหมาะสำหรับใช้เป็นพื้นภายในบ้านหรืออาคาร

7.  ไม้White Oak เป็นไม้ที่นำเข้ามาจากต่างทวีป เช่น อเมริกาเหนือ แคนาดา  เป็นไม้สีอ่อนสีค่อนไปทางขาวอมน้ำตาล มีเนื้อแข็งเหนียว ใช้ตกแต่งภานใน  งานที่ไม่อยู่ในความชื้น เหมาะทำพื้นภายใน ไม้ต้องผ่านการอบแห้งที่ได้มาตรฐาน(8-10%moisture content)

หลักการเลือกใช้ไม้

การเลือกไม้ให้เหมาะสมกับงานเป็นเรื่องสำคัญ  แน่นอนว่าคุณไม่อาจเลือกไม้โดยมองแค่คาวมสวยงามแต่เพียงอย่างเดียวได้  งานหลายประเภทอย่างงานปูพื้นจำเป็นต้องใช้ไม้ที่มีความทนทาน  แข็งแรงเพื่อยืดอายุการใช้งาน  เป็นต้น

ดังนั่นสิ่งที่คุณควรพิจารณาในการเลือกไม้มาใช้จึงได้แก่

1.  ประเภทของงาน  ลองดูว่าคุณต้องการไม่มาใช้กับงานชนิดใด  เช่น ถ้าคุณต้องการไม้จริงมาปูพื้น หรือทำบันได ควรเลือกไม้เนื้อแข็งที่มีความทนทาน และรับนำหนักได้ดี แต่หากคุณต้องการไม้สำหรับงานตกแต่งที่เน้นความเรียบร้อย สวยงามของลายไม้ตามธรรมชาติ คุณต้องพิจารณาไม้ที่เข้าลักษระดังกล่าว

2. งบประมาณ ปัจจัยข้อนี้มีความสำคัญต่อการตัดสินใจเสมอ หากคุณอยากได้ไม้คุณภาพดี มีตำหนิน้อย ลายสวย คุณก็อาจต้องยอมจ่ายเงินมากหน่อย

3. ชนิดของไม้ เลือกให้เหมาะสมกับการใช้งาน เลือกสี และลายให้ ใกล้เคียงกัน รวมทั้งพิรณาว่าคุณต้องการให้บ้านมีอารมณ์แบบใด เพราะไม้ต่างชนิดกันก็ให้อารมณ์ไม่เหมือนกัน

4. เกรดของไม้ โดยทั่วไป ไม้ที่ขายในตลาดจะแบ่งเป็น 2 เกรดตามคุณภาพ ได้แก่ ไม้คัด ซึ่งเป็นไม้ชั้นดี มีตำหนิน้อย และไม้คละซึ่งเป็นไม้คุณภาพรอง มีตำหนิ และราคาถูกกว่า

5. ความชื้นของไม้ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่คุณไม่อาจมองข้าม เพราะส่งผลต่ออายุการใช้งานมากทีเดียว ควรเลือกไม้ที่ผ่านการอบไล่ความชื้นจนได้ระดับมาตรฐานสำหรับการใช้งาน ไม้ที่ผ่านการอบมาแล้วอย่างดี จะมีการบิด โก่งงอ ขยายตัว หดตัวลดลง รวมทั้งลดปัญหาการถูกทำลายจากปลวก มอด และแมลงต่างๆ ลงไปได้อีก

6. การตกแต่งผิว พิจารณาดูว่าคุณต้องการตกแต่งผิวอย่างไร หากคุณไม่ได้ต้องการโชว์ลายไม้ หรือโชว์ไม้เพียงด้านเดียว คุณอาจไม่จำเป็นต้องเลือกไม้คัดซึ่งราคาแพงก็จะประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้

7. รสนิยมของคุณเอง ลองมองภาพรวมดูว่าคุณอยากได้ไม้โทนสีอะไร ต้องการให้ห้องออกมาแนวไหน จะตกแต่งสไตล์โมเดิร์นหรือออกแนวคันทรี เพื่อกำจัดตัวเลือกของคุณให้แคบลง

การดูแลรักษา

อันที่จริงแล้ว การดูแลรักษาไม้นั้น ไม่ได้ยุ่งยากมากไปกว่าการเช็ดทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอหากคุณเลือกใช้ไม้ที่มีคุณภาพ และตกแต่งผิวเป็นอย่างดี เว้นแต่ว่าส่วนประกอบที่เป็นไม้ในบ้านของคุณจะถูกรบกวนด้วยศัตรูทำลายไม้

ศัตรูที่เข้าทำลายเนื้อไม้มีหลายประเภท แบ่งเป็นชนิดต่างๆ ได้ดังนี้

เชื้อรา เป็นศัตรูทำลายไม้ที่สำคัญตัวหนึ่ง ที่ทำให้ไม้ผุ เสียหาย และเสื่อมสภาพได้ เชื้อราทำลายไม้มีทั้งชนิดที่เข้าทำลายเนื้อไม้ ส่งผลให้ไม้ผุ เปื่อยยุ่ย และเชื้อราชนิดที่ทำลายสีไม้ โดยเปลี่ยนสีตามธรรมชาติเป็นดวงๆ สีน้ำเงิน สีเขียว ไปจนถึงสีดำ เพื่อลดปัญหาเกี่ยวกับเชื้อราจำเป็นที่คุณต้องถามย้ำกับผู้ขายไม้ก่อนว่าไม้ที่คุณต้องการนั้นผ่านการอบ และอาบน้ำยามาแล้วหรือยัง นอกจากนี้ ควรมีการระบายอากาศในบ้านเป็นระยะๆ เพื่อลดความชื้นสะสมที่อาจก่อให้เกิดราบนเฟอร์นิเจอร์ไม้สวยๆ ของคุณ

เพรียง ศัตรูทำลายไม้ชนิดนี้ ส่วนมากพบในไม้ที่ใช้งานในน้ำ มีทั้งเพรียงทะเล และเพรียงน้ำจืด

แมลง มีตั้งแต่ มอด ด้วง มด แมลงภู่ ตัวต่อทำลายไม้ และศัตรูตัวสำคัญที่รู้จักกันดี เนื่องจากมีความสามารถในการทำลายล้างสูงจนเป็นปัญหาน่าปวดหัวให้คนรักบ้านไม้มานักต่อนัก ก็คือ ปลวก ว่ากันว่าปลวกสามารถกัดกินทำลายบ้านทั้งหลังได้ภายในระยะเวลาเพียง 3-5 ปี

      ปัญหาเรื่องปลวก จำเป็นต้องป้องกันไว้ตั้งแต่แรกเริ่ม คือตั้งแต่ขั้นตอนการเลือกใช้ไม้ โดยเลือกที่ผ่านการอบ และอาบน้ำยารวมทั้งมีการฉีดสารเคมีกำจัดปลวกในดินก่อนทำการก่อสร้าง ในกรณีที่ไม่สามารถทำการใดๆ ได้ตั้งแต่แรก วิธีรับมือโดยมากมักได้แก่การใช้สารเคมีกำจัดเป็นระยะ ควบคู่กับการเปลี่ยนไม้ที่ถูกแทะเสียใหม่

      การกำจัดปลวกในปัจจุบัน โดยมากมักเน้นไปที่การใช้สารเคมีรุนแรงซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของสมาชิกในครอบครัว หากคุณกังวลใจกับเรื่องนี้ ก็มีวิธีธรรมชาติที่เป็นทางเลือกหลายวิธี อาทิ การใช้ไส้เดือนฝอยกำจัดปลวก เชื้อรากำจัดปลวก และสมุนไพรกำจัดปลวกซึ่งได้ผลเป็นที่น่าพอใจ

     ไม้เป็นผลผลิตที่มีค่าจากธรรมชาติ ฉนั้นทุกแผ่นคือลวดลายและสีที่แตกต่างกันเป็นเอกลักษณ์ชิ้นเดียวในโลก การเรียนรู้ก่อนเลือกใช้และหมั่นดูแลรักษาให้ดีย่อมเท่ากับการรู้คุณค่าของไม้ แล้วไม้จะอยู่คู่บ้านของคุณไปตราบนานเท่านาน

(Root) 2010120_42622.jpg

 

ข้อมูลจาก

1.นิตยสารHOME&STYLE volume 7 No.3 นิตยสารสำหรับลูกค้าสินเชื่อที่อยู่อาศัย ธนาคารกรุงเทพ

2.การใช้ประโยชน์ไม้ขั้นพื้นฐาน สำนักวิจัยการจัดการป่าไม้ และผลิตผลป่าไม้ กรมป่าไม้